วันครูผู้ค้นพบวิชชาธรรมกาย
หลวงปู่วัดปากน้ำ ผู้เป็นพยานแห่งการบรรลุธรรมของพระพุทธเจ้า
ในปีพ.ศ. 2449 ชายหนุ่มวัย 22 ปี นามว่า สด มีแก้วน้อย ได้ตัดสินใจอุปสมบท เป็นพระภิกษุในพระพุทธศาสนา ณ วัดสองพี่น้อง จังหวัดสุพรรณบุรี ประเทศไทย มีชื่อและฉายาว่า สด จันทสโร หลังจากอุปสมบทแล้ว วันรุ่งขึ้นก็เริ่มลงมือ ศึกษาพระปริยัติธรรม พร้อมๆกับการปฏิบัติสมาธิภาวนาตลอดมา และด้วยอัธยาศัยใฝ่การศึกษา หากมีโอกาส ท่านมักจะหาเวลาไปศึกษาธรรมทั้งคันถธุระ และวิปัสสนาธุระกับพระอาจารย์จากสำนักต่าง ๆ อยู่เสมอ โดยมีความมุ่งหวังว่าสักวันหนึ่งจะได้รู้แจ้งในพระธรรมคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าอย่างแท้จริง แต่จนเวลาล่วงเลยไป 11 พรรษาท่านก็ยังไม่สมความปรารถนาที่ตั้งไว้
จนกระทั่งอายุ 33 ปี ณ วัดโบสถ์บน ตำบลบางคูเวียง จังหวัดนนทบุรี ในวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 10 ปี พ.ศ. 2460 ท่านจึงตัดสินใจเอาชีวิตเป็นเดิมพันด้วยการตั้งสัตยาธิษฐานว่า หากยังไม่บรรลุธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ตรัสรู้จะยอมตายไม่ยอมลุกไปไหน จากนั้นจึงได้เจริญสมาธิภาวนาจนใจหยุดนิ่งสนิท และเริ่มเห็นดวงปฐมมรรค หรือดวงธรรม ที่ทำให้เป็นกายมนุษย์ เมื่อท่านมองไปเรื่อย ๆ ก็เห็นดวงใหม่ผุดซ้อนขึ้นมาแทนที่ดวงเก่าอย่างต่อเนื่อง แต่มีความใสสว่างมากยิ่งขึ้น จนในที่สุดก็เห็นกายต่างๆ ตามลำดับจนกระทั่งเข้าถึง ธรรมกาย ในค่ำคืนนั้นนั่นเอง
เหตุการณ์นี้ถือได้ว่าพระเดชพระคุณหลวงปู่วัดปากน้ำ สด จันทสโร ท่านเป็นพยานของการบรรลุธรรมของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ว่าทุกคนสามารถปฏิบัติสมาธิ และเข้าถึงธรรมอันเป็นอกาลิโกได้ กล่าวคือ ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหนก็ตาม ไม่ว่าใครก็ตาม ขอเพียงปฏิบัติด้วยวิธีการที่ถูกต้อง ก็จะพบทางสายกลางและเข้าถึงธรรมได้เหมือนๆกันทุกคน
วันบรรลุธรรม
ในวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 10 ปี พ.ศ. 2460 เมื่อพระภิกษุสด กลับจากบิณฑบาตแล้ว ท่านก็เข้าไปนั่งสมาธิเจริญภาวนาในพระอุโบสถ ขณะนั้นเวลาประมาณ 8 โมงเศษๆ ท่านก็เริ่มทำความเพียร โดยตั้งใจว่าหากยังไม่ได้ยินเสียงกลองเพล จะไม่ยอมลุกจากที่ เมื่อตั้งใจดังนั้นแล้ว ก็หลับตาภาวนา “สัมมา อะระหัง” ไปเรื่อยๆ จนกระทั่งความปวดเมื่อย และอาการเหน็บชาค่อยๆ เพิ่มทีละน้อยๆ และมากขึ้นจนมีความรู้สึกว่า กระดูกทุกชิ้นแทบจะระเบิดหลุดออกมาเป็นชิ้นๆ จนเกือบจะหมดความอดทน ความกระวนกระวายใจก็ตามมา
“เอ…แต่ก่อนเราไม่เคยรู้สึกเช่นนี้เลย พอตั้งสัจจะลงไปว่า ถ้ากลองเพลไม่ดังจะไม่ลุกจากที่ เหตุใดมันจึงเพิ่มความกระวนกระวายใจมากมายอย่างนี้ ผิดกว่าครั้งก่อนๆ ที่นั่งภาวนา เมื่อไรหนอ กลองเพลจึงจะดังสักที”
คิดไปจิตก็ยิ่งแกว่งและซัดส่ายมากขึ้น จนเกือบจะเลิกนั่งหลายครั้ง แต่เมื่อได้ ตั้งสัจจะไปแล้วท่านก็ทนนั่งต่อไป ในที่สุดใจก็ค่อยๆ สงบลงทีละน้อย แล้วรวมหยุดเป็นจุดเดียวกัน เห็นเป็นดวงใสบริสุทธิ์ขนาดเท่าฟองไข่แดงของไก่ ในใจชุ่มชื่นเบิกบานอย่างบอกไม่ถูก ความปวดเมื่อยหาย ไปไหนไม่ทราบ ในเวลาเดียวกันนั้นเสียงกลองเพลก็ดังขึ้น
วันนั้นท่านมีความสุขตลอดทั้งวัน ดวงธรรมขั้นต้นซึ่งเป็นดวงใสก็ยังเห็นติดอยู่ตรงศูนย์กลางกายตลอดเวลา ในช่วงเย็น หลังจากได้ร่วมลงฟังพระปาฏิโมกข์กับเพื่อนภิกษุ ท่านได้เข้าไปในพระอุโบสถแล้วตั้งสัตยาธิษฐานว่า
“แม้เลือดเนื้อจะแห้งเหือดหายไป เหลือแต่หนัง เอ็น กระดูก ก็ตามที ถ้านั่งลงไปแล้ว ไม่บรรลุธรรมที่พระพุทธเจ้าทรงเห็น จะไม่ยอมลุกขึ้นจากที่จนตลอดชีวิต”
เมื่อ ตั้งจิตอธิษฐานเสร็จ จึงเริ่มนั่งและตั้งจิตอ้อนวอนแด่พระพุทธเจ้าว่า
“ขอพระองค์ได้ทรงพระกรุณาโปรดข้าพระพุทธเจ้า ทรงประทานธรรมที่พระองค์ได้ตรัสรู้อย่างน้อยที่สุดแลง่ายที่สุด ที่พระองค์ได้ทรงรู้แล้วแก่ข้าพระพุทธเจ้า ถ้าข้าพระพุทธเจ้ารู้ธรรมของพระองค์แล้วเป็นโทษแก่ศาสนาของพระองค์แล้ว ขอพระองค์อย่าพระราชทานเลย ถ้าเป็นคุณแก่ศาสนาของพระองค์แล้ว ขอพระองค์ได้ทรงพระกรุณา โปรดพระราชทานแก่ข้าพระองค์ ข้าพระองค์รับเป็นทนายศาสนาในศาสนาของพระองค์ไปจนตลอดชีวิต”
ค้นพบวิชชาธรรมกาย
เมื่อท่านตั้งความปรารถนาแล้ว ก็เริ่มนั่งขัดสมาธิเข้าที่ภาวนา พอดีนึกถึงมดขี้ที่อยู่ในระหว่างช่องแผ่นหินซึ่งกำลังไต่ไปมา จึงหยิบขวดน้ำมันก๊าด เอานิ้วมือจุ่ม เพื่อจะเขียนวงให้รอบตัวกันมดรบกวน แต่พอจรดนิ้วที่พื้นหินยังไม่ถึงครึ่งวง ก็เกิดความคิดขึ้นมาว่า ชีวิตสละได้ แต่ทำไมยังกลัวมดขี้นอยู่เล่า นึกละอายตัวเอง จึงวางขวดน้ำมันลง แล้วนั่งเข้าที่ได้ประมาณครึ่งหรือค่อนคืน เมื่อใจหยุดเป็นจุดเดียวกัน ก็มองเห็นดวงใสบริสุทธิ์ขนาดเท่าฟองไข่แดงของไก่ ซึ่งยังติดอยู่ที่ศูนย์กลางกายจากเมื่อเพล ยิ่งมองยิ่งใสสว่างมากขึ้น และขยายใหญ่ขนาดเท่าดวงอาทิตย์ ดวงใสยังคงสว่างอยู่อย่างนั้น โดยที่ท่านก็ไม่ทราบว่าจะทำอย่างไรต่อไป เพราะทุกสำนักที่ท่านได้ศึกษามาไม่เคยมีประสบการณ์เช่นนี้มาก่อน
ขณะที่ใจหยุดนิ่งอยู่ตรงนั้น ก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้นมาจากจุดกลางดวงนั้นว่า “มัชฌิมาปฏิปทา”แต่ขณะที่เสียงนั้นดังแผ่วขึ้นมาในความรู้สึก ก็เห็นจุดเล็กๆ เรืองแสง สว่างวาบขึ้นมาจากกลางดวงนั้น เสมือนจุดศูนย์กลางของวงกลม ความสว่างของจุดนั้นสว่างกว่าดวงกลมรอบๆ ท่านมองเรื่อยไป พลางคิดในใจว่า นี่กระมังทางสายกลาง จุดเล็กที่เราเพิ่งจะเห็นเดี๋ยวนี้อยู่กึ่งกลางพอดี ลองมองดูซิจะเกิดอะไรขึ้น
จุดนั้นค่อยๆ ขยายขึ้นและโตเท่ากับดวงเดิม ดวงเก่าหายไป ท่านมองไปเรื่อยๆ ก็เห็นดวงใหม่ลอยขึ้นมาแทนที่ เหมือนน้ำพุที่พุ่งขึ้นมาแทนที่กันนั่นแหละ ต่างแต่ใสยิ่งขึ้นกว่าดวงเดิม ในที่สุดก็ เห็นกายต่าง ๆ ผุดซ้อนกันขึ้นมาจนถึงธรรมกาย เป็นพระปฏิมากร เกตุดอกบัวตูม ใสบริสุทธิ์ยิ่งกว่า พระพุทธรูปบูชาองค์ใด เสียงพระธรรมกายกังวานขึ้นมาในความรู้สึกว่า “ถูกต้องแล้ว” เท่านั้นแหละ ความปีติสุขก็เกิดขึ้นอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ท่านถึงกับรำพึงออกมาเบา ๆ ว่า
“เออ… มันยากอย่างนี้นี่เอง ถึงได้ไม่บรรลุกัน ความเห็น ความจำ ความคิด ความรู้ ต้องรวมเป็นจุดเดียวกัน เมื่อหยุดแล้วจึงดับ เมื่อดับแล้วจึงเกิด ถ้าไม่ดับ ก็ไม่เกิด นี่เป็นของจริง ของจริงต้องอยู่ตรงนี้ ถ้าไม่ถูกส่วนนี้ เป็นไม่เห็นเด็ดขาด “
การค้นพบวิชชาธรรมกายอันเป็นของจริงของแท้ เป็นทางบรรลุธรรมที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ได้ทรงบรรลุแล้ว เป็นสิ่งที่ละเอียดลึกซึ้งมาก ท่านจึงมาคำนึงว่า
“คมฺภีโรจายํ ธรรมเป็นของลึกถึงเพียงนี้ ใครจะไปคิดคาดคะเนเอาได้ พ้นวิสัยของความตรึกนึกคิด ถ้ายังตรึกนึกคิดอยู่ก็เข้าไม่ถึง ที่จะเข้าถึง ต้องทำให้รู้ตรึก รู้นึก รู้คิดนั้น หยุดเป็นจุดเดียวกัน แต่พอหยุดก็ดับ แต่พอดับแล้วก็เกิด ถ้าไม่ดับแล้วไม่เกิด ตรองดูเถิดท่านทั้งหลาย นี้เป็นของจริง หัวต่อมีเป็นอยู่ตรงนี้ ถ้าไม่ถูกส่วนดังนี้ ก็ไม่มีไม่เป็นเด็ดขาด”
ผู้บรรลุธรรมตาม
ท่านยังคงนั่งเจริญภาวนาทบทวนอย่างนี้ต่อไปอีกประมาณ 30 นาที ก็เกิดภาพในสมาธิ เป็นภาพของวัดบางปลาปรากฏขึ้น ความรู้สึกขณะนั้นเหมือนตัวท่านอยู่ที่วัดนั้น ทำให้คิดว่าธรรมที่รู้เห็นได้ยากนั้น ที่วัดบางปลาจะต้องมีผู้ที่สามารถบรรลุธรรมได้แน่นอน ภาพของวัดบางปลาจึงปรากฏขึ้นในสมาธิ
นับแต่นั้นเป็นต้นมา ท่านได้ทุ่มเทชีวิตให้กับการปฏิบัติธรรมเจริญสมาธิภาวนาอย่างเต็มที่ เพื่อค้นคว้าหาที่สุดแห่งธรรม ยิ่งค้นก็ยิ่งลึกซึ้งขึ้นไปทุกที ท่านปฏิบัติอยู่อย่างนี้อีกประมาณเดือนเศษ จนออกพรรษา เมื่อรับกฐินแล้ว ก็ลาเจ้าอาวาสวัดบางคูเวียงไปพักอยู่ที่วัดบางปลา เพื่อไปสอนธรรมที่ท่านได้รู้ได้ เห็นแล้ว ท่านสอนอยู่ประมาณ 4 เดือน มีพระภิกษุที่สามารถปฏิบัติธรรมตามอย่างท่านได้ 3 รูป คือ พระภิกษุสังวาลย์ พระภิกษุแบน และพระภิกษุอ่วม อีกทั้งยังมีคฤหัสถ์อีก 4 คน รวมเป็น 7 คน
เป็นเจ้าอาวาสวัดปากน้ำ
หลวงปู่วัดปากน้ำภาษีเจริญหรือที่บางคนเรียกว่าหลวงพ่อวัดปากน้ำ เป็นพระภิกษุที่มหาชนเลื่อมใสเป็นอย่างสูง คนรู้จักท่านในชื่อนี้ เพราะเมื่อ ปี 2459 หลวงพ่อสดได้รับมอบหมาย ให้ไปรักษาการเจ้าอาวาสวัดปากน้ำ และได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาส ตั้งแต่ปีพ.ศ. 2463 -2502
เมื่อแรกที่ท่านมาปกครองวัดปากน้ำ วัดมีสภาพกึ่งร้าง ท่านได้เริ่มสร้างความเจริญให้วัด โดยท่านเริ่มจากการฝึกคน ท่านกวดขันพระภิกษุสามเณรให้ปฏิบัติธรรมวินัยอย่างเคร่งครัด สอนสมถวิปัสนากัมมัฏฐาน โดยใช้หลักพุทธานุสติ คือให้ระลึกถึงคุณของพระพุทธเจ้าเป็นเนืองๆ
ในการสอนสมาธิ ท่านสอนให้บริกรรมภาวนาว่า “สัมมา อะระหัง” ประกอบการน้อมนำใจไว้ที่ศูนย์กลางกายฐานที่ 7 คำว่า “สัมมา อะระหัง” แปลว่า พระพุทธองค์ทรงเป็นพระอรหันต์โดยชอบ ซึ่งการระลึกถึงพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นพุทธานุสสติ มีประโยชน์ในการเจริญภาวนากัมมัฏฐานมาก” ดังที่ท่านได้อธิบายว่า พุทธานุสสตินั้น เป็นธรรมให้จิตตื่น ให้จิตสว่าง ให้จิตมีกำลังให้จิตมีความกล้าที่จะปฏิบัติธรรมสืบต่อไป เป็นวิสัยอันดีของพุทธศาสนิกชนทั่วไป
นอกจากธรรมปฏิบัติท่านยังส่งเสริมการศึกษาพระปริยัติธรรม ตั้งสำนักเรียนทั้งนักธรรมและบาลี สร้างโรงเรียนปริยัติธรรมที่ทันสมัยที่สุดในสมัยนั้น จนวัดปากน้ำมีความเจริญขึ้นมาโดยลำดับ ด้วยเหตุนี้จึงมีสาธุชนมาเรียนสมาธิและออกบวชที่วัดปากน้ำเป็นจำนวนมาก
ความสำคัญของหลวงปู่ต่อพระพุทธศาสนา
คำว่า “ธรรมกาย” เป็นคำที่สำคัญเเละมีปรากฏอยู่อย่างมากมายในพระไตรปิฎก เเละคัมภีร์ทางพระพุทธศาสนาทั้งฝ่ายเถรวาทและมหายาน
อาทิเช่น ในพระสุตตันตปิฎก ทีฆนิกาย ปาฏิวรรค กล่าวว่า ตถาคตสฺส เหตํ วาเสฏฺฐา อธิวจนํ ธมฺมกาโย อิติปิ … “ดูก่อนวาเสฏฐะ อันว่า คำว่า “ธรรมกาย” ก็ดี…นี้แหละเป็นชื่อของเราตถาคต”
ความหมายของ ธรรมกาย ถูกตีความกันออกไปอยากมากมายตามความเข้าใจของบุคคลเเละยุคสมัย แต่ก็ยังไม่มีผู้ใดเข้าใจถึงความหมายที่แท้จริงของคำนี้
จนกระทั่งเมื่อ วันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 10 ปี พ.ศ.2460 ความหมายของ “ธรรมกาย” ที่ปรากฏในพระไตรปิฏกเเละคัมภีร์พุทธโบราณต่างได้ถูกทำให้กระจ่างเเจ้งขึ้น เมื่อ หลวงปู่สดได้เข้าถึง “ธรรมกาย” ซึ่งเป็นกายเเห่งการตรัสรู้ธรรม จึงนับเป็นจุดเริ่มต้นที่วิชชาธรรมกาย ได้ฟื้นกลับคืนมาให้อนุชนรุ่นหลังได้รู้จักอีกครั้งหนึ่ง
หลวงปู่สดสอนธรรมปฏิบัติอย่างละเอียดเป็นขั้นเป็นตอน มีเเบบเเผนที่ชัดเจน เข้าถึงได้ง่าย ตั้งแต่ขั้นพื้นฐาน จนถึงขั้นสูง จนมีผู้ปฏิบัติตามจนเห็นผล
กิตติศัพท์ในด้านการสอนภาวนาของท่านโด่งดังข้ามทวีปไปยังหลาย ๆ ประเทศในยุโรป เป็นเหตุให้พระพุทธศาสนาขจรขจายกว้างไกลออกไปอย่างไม่เคยปรากฎมาก่อนในประวัติศาสตร์ของวงการคณะสงฆ์ไทยจนกระทั่งมีชาวต่างชาติเดินทางมาบวชกับท่านถึงวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ
หลังจากที่ท่านได้เข้าถึงธรรมกาย ท่านได้สอนการปฏิบัติธรรมอย่างจริงจัง อีกทั้งยังมอบหมายหน้าที่สำคัญให้แก่ศิษย์เอกผู้มีผลการปฏิบัติธรรมที่ดีเยี่ยมเพื่อทำหน้าที่สืบทอดวิชชาธรรมกาย และเผยแผ่วิชชานี้ให้แก่ชาวโลกต่อไปในภายภาคหน้า
สืบสานวิชชาธรรมกาย
ภายหลังจากที่พระเดชพระคุณหลวงปู่ได้มรณภาพไปแล้ว ศิษย์เอกของท่านคือ คุณยายอาจารย์จันทร์ ขนนกยูง ก็ได้เปิดสอนสมาธิให้แก่บุคคลทั่วไปที่สนใจ หนึ่งในลูกศิษย์ที่มานั่งสมาธิด้วยก็คือ หลวงพ่อธัมมชโย ซึ่งขณะนั้นยังเป็นนักเรียนมัธยมคนนึงที่สนใจการฝึกสมาธิ ท่านได้รับการฝึกสมาธิจากคุณยายฯ จนสามารถเข้าถึงธรรมกาย เช่นเดียวกับท่าน
ความสุขจากธรรมะภายในที่หลวงพ่อธัมมชโยได้รับ และความตั้งใจที่จะสืบทอดธรรมะปฏิบัติตามเจตนารมณ์ของหลวงปู่นั้นได้ถูกหลอมกลายเป็นมโนปณิธานเดียวกันคือ ความต้องการให้ชาวโลกทุกคนเข้าถึง”ความสุขสงบภายใน” อันเป็นเป้าหมายชีวิตของมวลมนุษยชาติทุกคน
ด้วยมโนปณิธานนี้จึงกลายเป็นเป้าหมายอันยิ่งใหญ่ของวัดพระธรรมกายที่มุ่งเน้นการสอนสมาธิแก่มหาชน สืบทอดจากรุ่นสู่รุ่น เพื่อให้ชาวโลกได้เข้าถึงสันติสุขภายใน อันจะก่อให้เกิดสันติภาพโลกในที่สุด
น้อมรำลึกคุณถึงครูผู้ค้นพบวิชชาธรรมกาย
นับแต่นั้นเป็นต้นมา วันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 10 ของทุกปี จึงถือเป็น “วันครูผู้ค้นพบวิชชาธรรมกาย” ที่เหล่าศิษยานุศิษย์ทุกคนทั่วโลกได้ร่วมกันจัดงานบุญต่าง ๆ เพื่อน้อมบูชาธรรมแด่พระเดชพระคุณหลวงปู่ ในฐานะที่ท่านมีคุณูปการต่อพระพุทธศาสนาที่สามารถนำ “วิชชาธรรมกาย” ของพระบรมศาสดา ให้หวนกลับมาให้ชนรุ่นหลังได้ปฏิบัติตามอีกครั้งหนึ่ง
สำหรับในปีนี้ วันครูผู้ค้นพบวิชชาธรรมกาย ตรงกับวันที่ 10 กันยายน พ.ศ. 2565 ทางวัดพระธรรมกายจึงขอเชิญชวนลูกหลานหลวงปู่ และพุทธศาสนิกชนทั่วโลกมาร่วมแสดงความกตัญญูด้วยการสวดมนต์ เจริญสมาธิ และแผ่เมตตา พร้อมคณะสงฆ์ทั้งในและต่างประเทศ นับหมื่นรูป พร้อมกันทั่วทุกมุมโลก ผ่านแอปพลิเคชั่น ซูม เพื่อน้อมบูชาธรรมแด่พระเดชพระคุณหลวงปู่วัดปากน้ำ สด จันทสโร และสั่งสมบุญกุศลให้แก่ตัวเอง พร้อมอธิษฐานจิตขอให้โลกพ้นจากภัยต่าง ๆ กลับคืนสู่ความสงบสุขโดยเร็วพลัน