บทบาทของหลวงพ่อทัตตชีโวในการสร้างวัดพระธรรมกาย
ความตั้งใจแน่วแน่ของคณะผู้บุกเบิกสร้างวัด ซึ่งหลวงพ่อทัตตชีโวเป็นหนึ่งในนั้น คือ การอบรมศีลธรรมแก่ประชาชน เพื่อสร้างสันติสุขให้แก่ชาวโลก จึงมีแนวทางสำคัญ คือ
สร้างวัดให้เป็นวัด คือ เป็นวัดที่สะอาด สงบ ร่มรื่น เหมาะสมแก่การประพฤติปฏิบัติธรรมของประชาชน
สร้างพระให้เป็นพระ คือ ฝึกอบรมพระภิกษุให้ถึงพร้อมด้วยจารวัตร และคุณธรรมภายใน เป็นที่ตั้งแห่งศรัทธา สามารถเป็นครูสอนศีลธรรมให้แก่ประชาชนได้
สร้างคนให้เป็นคนดี คือ สร้างคนดีมีศีลธรรมมีความรับผิดชอบต่อตนเอง ครอบครัว สังคม และประเทศชาติ
ด้วยเหตุนี้ คณะผู้บุกเบิกสร้างวัดพระธรรมกายจึงมุ่งเน้นการอบรมธรรมะ ทั้งภาคปริยัติและภาคปฏิบัติให้แก่พระภิกษุ สามเณร อุบาสก อุบาสิกา ตลอดจนสาธุชนผู้สนใจศึกษาธรรมะทุกท่านตลอดมา รวมทั้งเน้นในเรื่องของความสะอาด ความสงบ ความร่มรื่น ร่มเย็น และมีนโยบายหลักในการก่อสร้างวัตถุเท่าที่จำเป็นต่อการใช้งาน เน้นถึงความประหยัด ความประณีต คงทนถาวร และประโยชน์ในการใช้งานหลัก โดยมีหลวงพ่อทัตตชีโวเป็นกำลังสำคัญในการดำเนินงานในโครงการต่างๆ จนบรรลุวัตถุประสงค์
หลักการของวัดพระธรรมกาย มุ่งที่ศีลธรรมไม่ได้เป็นเพียงศาสนสถาน หรือสถานที่สำหรับการประกอบพิธีกรรมเท่านั้น ซึ่งหลวงพ่อทัตตชีโวท่านสรุปว่า “วัดคือโรงเรียนสอนศีลธรรมให้กับมหาชน” การฝึกคนจำนวนมาก โดยเฉพาะเยาวชนของชาติ หากได้รับการสอนและการปฏิบัติธรรมอย่างจริงจังแล้ว ก็จะเป็นผู้รักศีลธรรม สนใจธรรมะและจะช่วยดึงให้ห่างพ้นจากอบายมุขและยาเสพย์ติด
ในขณะที่สร้างวัดควบคู่ไปกับการเผยแผ่ธรรมะนั้น เหล่าสาธุชนได้หลั่งไหลกันมาปฏิบัติธรรมเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ จากสิบเป็นร้อย จากร้อยเป็นพัน จากพันเป็นหมื่น เมื่อจำนวนสาธุชนเพิ่มมากขึ้น ภาระหน้าที่ของหลวงพ่อทัตตะชีโวจึงเพิ่มมากขึ้นตามลำดับ
ในปีพุทธศักราช ๒๕๒๗ วันสำคัญทางพระพุทธศาสนา จะมีสาธุชนมาวัดครั้งละประมาณ ๒๐,๐๐๐ คน ทำให้พื้นที่ในบริเวณวัดพระธรรมกาย ๑๙๖ ไร่ เนืองแน่นไปด้วยผู้คนที่มาปฏิบัติทั้งสิ้น มีสาธุชนกลุ่มหนึ่งได้เสนอความเห็นว่า ทางวัดควรจะขยายพื้นที่ออกไปอีก เพื่อรองรับสาธุชนที่จะมาปฏิบัติธรรมเพิ่มขึ้นในวันข้างหน้า เมื่อคณะสงฆ์วัดพระธรรมกายเห็นสมควร จึงได้ปรึกษากับมูลนิธิธรรมกายซึ่งขณะนั้น หลวงพ่อทัตตชีโวเป็นประธานมูลนิธิ เป็นผู้มีบาททสำคัญในการดำเนินการติดต่อขอซื้อที่ดินบริเวณท้ายวัดในนามของมูลนิธิฯ ขยายออกไปอีกประมาณ ๒,๐๐๐ ไร่เศษ โดยได้รับบริจาคปัจจัยจากสาธุชนที่มีจิตศรัทธา ซื้อที่ดินผืนนี้ไว้เป็นสมบัติของพระศาสนา เพื่อให้ชาวพุทธทุกคนได้มาประพฤติปฏิบัติธรรมร่วมกันในสถานที่อันสงบร่มรื่น และยังใช้ประโยชน์ในศาสนกิจของการคณะสงฆ์ได้ด้วย
พื้นที่ที่ขยายออกมา เริ่มใช้งานเผยแผ่พระพุทธศาสนามาตั้งแต่ พ.ศ. ๒๕๒๘ โดยมีสาธุชนมาปฏิบัติธรรมเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งถึงปี พ.ศ. ๒๕๔๒ มีสาธุชนมาปฏิบัติธรรมร่วมกันในวันสำคัญทางศาสนาครั้งละกว่า ๑๐๐,๐๐๐ คน ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ได้ดำเนินการก่อสร้างศาสนสถานขึ้นตามความจำเป็นต่อการใช้งานมาโดยลำดับ รวมถึงมหาธรรมกายเจดีย์ เจดีย์แห่งพระรัตนตรัย ซึ่งเป็นศูนย์รวมใจชาวพุทธทั่วโลก เพื่อประกอบพิธีกรรมร่วมกันในวันสำคัญทางพุทธศาสนา ซึ่งหลวงพ่อทัตตชีโวได้ทุ่มเทแรงกาย สติปัญญา ความรู้และความสามารถ ในการควบคุมดูแลโครงการต่างๆ เหล่านี้อย่างใกล้ชิด ต้งแต่เริ่มต้นจนกระทั่งเสร็จสมบูรณ์
หลวงพ่อทัตตชีโวนั้น นอกจากท่านจะเป็นผู้ที่รักธรรมะเป็นชีวิตจิตใจ และได้ทุ่มเทอุทิศชีวิตให้แก่งานของพระพุทธศานามาโดยตลอดแล้ว ท่านยังเป็นผู้ที่มีความเคารพรักและมีความกตัญญูต่อครูบาอาจารย์อย่างยิ่ง อะไรที่เห็นว่าเป็นคำสั่งหรือความต้องการของครูบาอาจารย์แล้ว ท่านเป็นต้องรับอาสาทำสิ่งนั้นอย่างชนิดถวายหัวทุกครั้งไปประกอบกับอุปนิสัยของการรับผิดชอบต่อส่วนรวมของท่าน ไม่ว่างานเล็กงานใหญ่ หรืองานอะไรที่เป็นของหมู่คณะ ท่านไม่เคยดูดาย โดยจะต้องเข้ามามีส่วนร่วมรับผิดชอบอย่างเต็มกำลัง
จึงกล่าวได้ว่า นอกจากคุณยายอาจารย์มหารัตนอุบาสิกาจันทร์ ขนนกยูงแล้ว และหลวงพ่อธัมมชโยแล้ว หากไม่มีหลวงพ่อทัตตชีโวอีกองค์หนึ่ง วัดพระธรรมกายก็จะยังมาไม่ถึงวันนี้
งานสร้างพระ
พระภิกษุ
หลวงพ่อทัตตชีโวท่านได้รับมอบหมายจากหลวงพ่อธัมมชโย ให้เป็นผู้รับผิดชอบดูแลการศึกษาอบรมของพระภิกษุสามเณรในวัด ซึ่งท่านได้ทุ่มเททุกวิถีทางที่จะสร้าง “พระแท้” ฝากไว้ให้เต็มแผ่นดิน โดยในส่วนวัดพระธรรมกายนั้น พระภิกษุทุกรูปมีเส้นทางการเข้ามาอยู่ในวัดพระธรรมกาย ๓ ลักษณะ คือ
๑. อุบาสกที่อยู่ฝึกฝนตนเอง ณ วัดพระธรรมกาย เป็นเวลาอย่างน้อย ๕ ปี และได้รับอนุญาตจากคณะสงฆ์ และคณะกรรมการอุบาสกให้บรรพชาอุปสมบทได้ ซึ่งมีผู้ได้รับอนุญาตให้บวชได้ตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๑๕ เป็นต้นมา
๒. จากโครงการอบรมธรรมทายาทและอุปสมบทหมู่ โครงการบวชบูชาธรรมมหาปูชนียาจารย์ ของวัดพระธรรมกาย ซึ่งมีผู้ไม่ลาสิกขาและอยู่จำพรรษาต่อที่วัด ตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๒๘ และทุกรูปจะต้องผ่านหลักสูตรการอบรมพระภิกษุใหม่ของวัดเป็นเวลา ๓ ปีเต็ม จึงจะรับเข้าเป็นพระภิกษุประจำของวัดพระธรรมกาย
๓. สามเณรประจำของวัดพระธรรมกาย ที่มีอายุครบอุปสมบท ซึ่งมีสามเณรเข้ารับการอุปสมบทตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๓๒
การอบรมพระภิษุใหม่
พระภิกษุใหม่ทุกรูป จะได้รับการอบรมให้มีอุดมการณ์ มีศีลาจารวัตรเหมาะสมกับความเป็นพระภิกษุ โดยฝึกสมาธิภาวนาอย่างต่อเนื่อง พร้อมทั้งฝึกการใช้และดูแลรักษาปัจจัยสี่ ควบคู่กับการศึกษา พระธรรมวินัย และทักษะในการทำงานพระพุทธศาสนา โดยมีหัวข้ออบรมดังนี้
- ธรรมะปฏิบัติ
- ข้อปฏิบัติและมารยาทของพระสงฆ์
- พระวินัย และศาสนพิธี
- นักธรรมตรี โท เอก
- มงคลสูตร 38 ประการ
- ศึกษาพุทธประวัติ และหลักธรรมทั่วไปจากพระไตรปิฎก
- ฝึกการศึกษาค้นคว้าพระไตรปิฎก
- บาลีพื้นฐาน
- ความรู้เรื่องวัดของเรา
- วิธีการเผยแผ่พระพุทธศาสนา
- เรียนรู้และศึกษาการทำงานในหน่วยงานต่างๆ ของวัด
เมื่อผ่านการอบรมครบสามปีแล้ว จะมีการประเมินผล และรับเข้าเป็นพระภิกษุประจำ ช่วยปฏิบัติศาสนกิจต่างๆ ของวัด เช่น งานเผยแผ่ ( เป็นพระอาจารย์สอนภาวนา หรือเทศน์สอนธรรมะ ) งานด้านการศึกษา งานวิชาการ ดูแลงานก่อสร้าง บริหารงานด้านต่างๆ ของวัดเป็นต้น ในขณะเดียวกันเพื่อเป็นการฝึกฝนอบรมตน จึงมีการศึกษาพระปริยัติธรรม ทั้งแผนกธรรมและแผนกบาลี รวมทั้งการอบรมธรรมะปฏิบัติอย่างต่อเนื่องด้วย
สามเณร
สามเณรทุกรูปมีเส้นทางการเข้ามาอยู่วัดพระธรรมกาย ๒ ลักษณะใหญ่ๆ คือ
ประมาณร้อยละ ๗๐ ของสามเณรทั้งหมด คือผู้ที่ผ่านการอบรมสามเณรยุวธรรมทายาทภาคฤดูร้อนของวัดพระธรรมกาย และมีความประสงค์จะบวชเรียนต่อ ประมาณร้อยละ ๓๐ มาจากวัดสาขาของวัดพระธรรมกาย และวัดต่างๆ
สามเณรทุกรูปต้องผ่านการอบรมตามหลักสูตรสามเณรใหม่ของวัดเป็นเวลา ๑ ปีเต็ม จึงจะรับเข้าเป็นสามเณรประจำของวัดพระธรรมกาย
การอบรมสามเณร
สามเณรทุกรูปจะได้รับการอบรมตามหลักสูตรของวัด ดังนี้
๑. ฝึกให้มีความเคารพในพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์
๒. ฝึกให้อยู่ในศีลอย่างเคร่งครัด
๓. ฝึกให้อยู่ในวัตรปฏิบัติของเพศบรรพชิตและระเบียบวินัยของวัด
๔. ฝึกการทำงานร่วมกับหมู่คณะ
๕. ฝึกให้รู้จักใช้ และรักษาสิ่งของเครื่องใช้ที่สาธุชนนำมาถวายอย่างประหยัดและเกิดประโยชน์สูงสุด
สามเณรน้อยๆ ผู้เป็นเหล่ากอของสมณะเหล่านี้ ต้องจากบ้าน จากครอบครัวอันอบอุ่นมาอยู่วัดภายใต้ระเบียบกฎเกณฑ์ทั้งในพระวินัยและของวัด ซึ่งหากจะเปรียบกับลูกหลานชาวบ้านทั่วๆ ไป เด็กในวัยนี้ยังต้องการความรัก ความเอาใจใส่ ต้องการการดูแลอย่างใกล้ชิดทั้งทางร่างกายและจิตใจ จึงจะสามารถประคับประคองตนอยู่ในเพศบรรพชิตได้ตลอดรอดฝั่ง
หลวงพ่อทัตตชีโวเข้าใจความรู้สึกและความต้องการของสามเณรน้อยเหล่านี้ดี จึงได้พยายามหาเวลาไปให้การศึกษาอบรม เอาใจใส่ดูแลเรื่องสุขภาพ และความเป็นอยู่ของสามเณรเสมอมา ทั้งยังคอยให้กำลังใจแก่สามเณรทั้งหลาย ให้มีความอดทนพากเพียร เพื่อจะได้บรรลุเป้าหมายแห่งการบวชในที่สุด
งานสร้างคน
หลวงพ่อทัตตชีโวเป็นผู้มีที่ให้ความสำคัญต่อการสร้างคน มากกว่าการสร้างสิ่งใดๆ ทั้งสิ้น ดังจะเห็นว่าเพียงแค่ท่านเพิ่งบวชพรรษาแรก ท่านก็ริเริ่มโครงการอบรมเยาวชนที่ใช้ชื่อว่า “ การอบรมธรรมทายาท ภาคฤดูร้อน” มาตั้งแต่เริ่มต้นสร้างวัดเลยทีเดียว เริ่มจากนักศึกษาชายจำนวน ๕๐ คน ในปี พ.ศ. ๒๕๑๕ และขยายจำนวนจนถึงปัจจุบันรวมยอดสะสมเป็นจำนวนหลายหมื่นคน นักศึกษาระดับมหาวิทยาลัยซึ่งผู้ที่ผ่านการอบรมต่างก็สำเร็จการศึกษา เป็นบัณฑิตทุกสาขาวิชาชีพ ทำงานให้กับประเทศชาติและสังคม อย่างมีคุณธรรมตามหลักของพระพุทธองค์ที่ว่า
“บัณฑิตมิใช่เป็นเพียงผู้มีปัญญา แต่ต้องเป็นผู้ที่อุดมด้วยศีล สมาธิ ปัญญา”
นับได้ว่า ท่านเป็นผู้ที่ได้หว่านเมล็ดพันธุ์ของบัณฑิตผู้เปี่ยมด้วยคุณธรรมให้แก่ประเทศชาติของเราเป็นเวลายาวนานด้วยความวิริยะ เสียสละ พากเพียร และอดทน อย่างผู้ที่มีวิสัยทัศน์อันกว้างไกล ที่จะมีส่วนช่วยพัฒนาประเทศด้วยการพัฒนาคนอย่างแท้จริง
นอกจากนั้น ยังได้เปิดโครงการอบรมพัฒนาจิตใจขึ้นอีกหลายโครงการเป็นประจำทุกปี เพื่อความเหมาะสมกับคนแต่ละกลุ่ม อาทิ
- โครงการยุวธรรมทายาท
- โครงการมัชฌิมธรรมทายาท
- โครงการเยาวชนสร้างสรรค์
- โครงการยุวกัลยาณมิตร
- โครงการอบรมศีลธรรมแก่นักเรียน นิสิตนักศึกษา
- โครงการอบรมข้าราชการ ทหาร ตำรวจ พนักงานรัฐวิสาหกิจ และบริษัทเอกชน
ตลอดจนการสอนธรรมะทุกวันอาทิตย์และวันสำคัญทางศาสนา ซึ่งโครงการต่างๆ เหล่านี้ทุกโครงการล้วนอยู่ในความดูแลของท่านอย่างใกล้ชิด
นอกจากนี้ ท่านได้นำธรรมะจากพระไตรปิฏกที่ท่านได้ศึกษา และประสบการณ์ในการสอนธรรมะหลายสิบปีกลั่นกรองออกมาเป็นบทฝึกในด้านต่างๆ เริ่มตั้งแต่ฝึกฝนตนเอง ระดับครอบครัว หมู่คณะ บริษัท สังคม ประเทศ จนถึงระดับนานาชาติ และเรียบเรียงเป็นหนังสือธรรมะมากมาย เช่น
- พระแท้
- มงคลชีวิต38ประการ
- พระพุทธคุณ พระธรรมคุณ พระสังฆคุณ
- ศรัทธา
- คู่มือพุทธมามกะ
- ที่สุดแห่งธรรมถึงได้ด้วยความเคารพ
- สัจจะต่อความดี อานุภาพพลิกโลก
- และอื่นๆ
หลวงพ่อทัตตชีโวท่านได้ทุ่มเทแรงกาย แรงใจ แสดงธรรม เทศน์สอนมหาชนอย่างเต็มที่ โดยมุ่งหวังเพื่อที่จะเผยแผ่ธรรมะอันเป็นความรู้ที่เป็นสัจธรรม ไปให้กว้างไกล และปักหลักให้ดำรงคงอยู่ในใจชาวโลก ต่อไปตราบนานเท่านาน
งานสร้างสันติสุขให้แก่ชาวโลก
หลวงพ่อทัตตชีโว นับเป็นพระสงฆ์ไทยอีกรูปหนึ่ง ซึ่งมีบทบาทสำคัญอันดีงามในระหว่างนิกายต่างๆ ของพระพุทธศาสนา เพื่อนำไปสู่ความร่วมมือในการฟื้นฟู และเผยแผ่พระพุทธศาสนาให้ขยายกว้างไกลออกไปทั่วโลก
ถึงแม้พระพุทธศาสนาของเราจะมีหลายหลากนิกาย มีธรรมวินัยบทบัญญัติแตกต่างกันบ้างตามวัฒนธรรมประเพณีของแต่ละประเทศ แต่ก็ล้วนเป็นลูกพระพุทธเจ้าด้วยกัน พระธรรมคำสอนก็ยังเป็นเนื้อเดียวกัน คือเป็นคำสอนที่มุ่งตรงต่อสันติสุขอย่างแท้จริง
อาศัยที่หลวงพ่อทัตตชีโวเป็นผู้ที่ทรงภูมิธรรมความรู้ มีศีลาจารวัตรงดงามและมีวิสัยทัศน์กว้างไกล ดังนั้น ท่านจึงสามารถทำหน้าที่อันนี้ได้อย่างดี จนเป็นที่ยอมรับยกย่องจากประชาคมโลกทุกระดับ ตั้งแต่ระดับท้องถิ่น ระดับองค์กรระหว่างประเทศ ไปจนถึงองค์กรระดับโลก